(4 ม.ค. 66) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. …. มาตรา 10/1 โดยระบุว่า
มาตรา 10/1 เป็นมาตราที่ว่าด้วยเรื่องอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ซึ่งที่ตนจะอภิปรายต่อไปนี้แม้ว่าทางคณะกรรมาธิการจะเพิ่มมาตรานี้ขึ้นมาใหม่เนื่องจากมีการปรับปรุงจากเดิมคือมาตรา 14 ซึ่งบัญญัติไว้เป็นเรื่องของอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ แต่ตนจะชี้ให้ท่านประธานเห็นว่ามาตรา 10/1 ที่เพิ่มขึ้นมาใหม่นี้ที่กำหนดหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการนั้น นี่แหละคือความไม่ชัดเจนเรื่องของวัตถุประสงค์ของการเปิดให้มีกัญชาเสรีว่าไม่ใช่เป็นกัญชาเสรีเพื่อการแพทย์เท่านั้นแต่เป็นเรื่องแนะนำไปสู่นันทนาการอย่างที่ปัจจุบันนี้เกิดความเสียหายกันไป เกิดผลกระทบกันไปในหลากหลายพื้นที่แล้ว อย่างน้อยที่สุดมีอยู่ 2 ประเด็นซึ่งเป็นเรื่องประเด็นของอำนาจหน้าที่ที่ตนอยากจะให้ทางคณะกรรมาธิการได้ชี้แจงให้ชัดเจนว่าเป็นไปตามที่เข้าใจหรือไม่
ในอนุมาตรา 2 ท่านพูดถึงเรื่องของกำหนดมาตรการการส่งเสริมวิจัยพัฒนาการใช้กัญชากัญชงและสารสกัดทั้งในด้านการแพทย์ เกษตรกรรมซึ่งอันนี้เข้าใจได้อุตสาหกรรมซึ่งในส่วนบุญอุตสาหกรรมนี้ตนยังเข้าใจว่าถ้าเรามุ่งหมายที่จะใช้เพื่อทางการแพทย์ทำไมเราไม่เขียนให้ชัดว่าเป็นอุตสาหกรรมทางการแพทย์แต่ในส่วนที่สงสัยก็คือเรื่องของพาณิชยกรรมและประโยชน์อื่น ๆ
การเขียนอะไรที่เป็นลักษณะของการเปิดกว้างไว้ในกฎหมายซึ่งควรจะจำกัดให้ชัดเจนลงไปเพื่อไม่ให้เกิดการตีความไปในลักษณะที่เป็นทางกว้างและอาจจะมีการบิดเบือนวัตถุประสงค์ในการใช้สิ่งซึ่งมีทั้งคุณและมีทั้งโทษมหันต์อย่างกัญชาสมควรเขียนให้ชัดเจน แต่กรรมาธิการบัญญัติมานี่เขียนไว้ไม่ชัดในส่วนพาณิชยกรรมก็ดีและประโยชน์อื่น ๆ ก็ดีมันอะไร ประโยชน์อื่น ๆ ก็คือหมายความว่าเปิดร้านขายกันเต็มที่อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้หรือแล้วก็ให้คณะของคณะกรรมการที่ท่านเขียนขึ้นไว้ตามกฎหมายฉบับนี้มีหน้าที่ต้องไปส่งเสริมตนถึงบอกว่ากฎหมายฉบับนี้มันไม่ใช่เป็นกฎหมายที่เขียนเอาไว้เพื่อควบคุมเรื่องการใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์เท่านั้นแต่ในทางหนึ่งมันคือการส่งเสริมแล้วก็เอื้อให้เกิดการส่งเสริมเพื่อการนันทนาการอย่างวัตถุประสงค์ที่เขียนเอาไว้ในอำนาจหน้าที่ของมาตรา 10/1 วงเล็บ 2 อนุมาตรา 2 นี้ชัดเจนมาก กับคำว่าและประโยชน์อื่น ๆ ซึ่งอาจจะเกิดการตีความได้ และยิ่งตัวคณะกรรมการท่านซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปก่อนหน้านี้มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรต่อมิอะไรเกี่ยวข้องก็มาอีกเยอะนี่มันก็ยิ่งทำให้กฎหมายฉบับนี้มีจุดอ่อนมีช่องว่างและแสดงให้เห็นถึงความหละหลวมของการเขียนตัวกฎหมายชัดเจนมากขึ้น
ในอนุมาตรา 7 อันนี้เป็นข้อสงสัยใหญ่ของตน ในอนุมาตรา 7 ท่านเขียนอำนาจหน้าที่ของกรรมการไว้ว่าให้คำแนะนำต่อรัฐมนตรีตามมาตรา 37/4 วงเล็บ 8 ตนไปดูมาตรา 37/4 นั้นเป็นมาตราที่ คณะกรรมการเพิ่มขึ้นมาใหม่ในมาตรา 37/4 นี่มีการปรับปรุงจากอันเดิมแต่ 37/4 นี้อันนี้แหละที่ตนจะบอกท่านประธานว่ามันเป็นเรื่องของนันทนาการแล้วก็เอื้อให้เกิดนันทนาการเสรีอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน เพราะ 37/4 ท่านเขียนกัญชากัญชงหรือสารสกัดในสถานที่สาธารณะหรือสถานที่บริเวณดังต่อไปนี้แล้วในอนุมาตรา 8 ที่ไปเกี่ยวกับตัวอำนาจหน้าที่ว่า ให้คณะกรรมการชุดนี้มีคำแนะนำตัวรัฐมนตรีมันเป็นเรื่องของการห้ามสูบกัญชาในร้านอาหารหรือสถานที่ของผู้รับอนุญาตที่ไม่ใช่สถานที่ตามวงเล็บ 2 ซึ่งสถานที่ตามวงเล็บ 2 ก็คือพวกสถานบริการสาธารณสุขของรัฐหรือสถานที่จัดไว้ให้กับผู้ป่วยหรือการแพทย์แผนไทยประยุกต์ แต่ท่านเขียนไว้ในอนุมาตรา 8 ว่าและยานพาหนะส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของสถานที่และยานพาหนะหรือสถานที่อื่นใดตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการ นั่นแปลว่าอำนาจหน้าที่ของกรรมการชุดนี้ 37/4 มีปัญหาแน่เพราะนี่ไม่ใช่เพื่อกัญชาทางการแพทย์แต่เป็นนันทนาการแน่นอนเพราะเป็นการให้สูบกัญชากันได้เพียงแต่กำหนดที่สูบว่าตรงไหนห้ามแต่ก็ยังทิ้งไว้ในอนุมาตรา 8 ว่ากรรมการแนะนำให้เพิ่มเติมได้ แปลว่าคาเฟ่กัญชายังเปิดต่อใช่หรือไม่อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ตอนนี้ตนไปดูแถวละแวกอโศกนอกเหนือจากขายเป็นกระปุกยังนั่งสูบเป็นบ้องกัญชาในร้านเลย แล้วนี่หรือกัญชาทางการแพทย์และกฎหมายนี้จะไปคุมยังไง อำนาจหน้าที่กรรมการเขียนไว้แบบนี้มีคนมีผลประโยชน์ทับซ้อนเข้าไปอยู่อย่างนี้เพื่อนสมาชิกอภิปรายไปแล้วเขียนเปิดช่องไว้อย่างนี้จะเป็นกฎหมายที่ควบคุมได้อย่างไรนี่คือคำถามใหญ่
#พรรคประชาธิปัตย์ #democratpartyth
การรับชม : 16 ครั้ง – 2023-01-04 16:39:37