นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า ก่อนอื่นประชาชนต้องทราบว่ากัญชาเป็นยา ทว่าใช้มากเกินขนาด ใช้ผิด ไม่ทราบข้อจำกัด แทนที่กัญชาจะเกิดประโยชน์อาจเกิดผลร้ายและอันตรายอย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะการนำมาใช้โดยที่ผู้นั้นไม่ได้เจ็บป่วย หรือใช้เพื่อสันทนาการ ไม่ส่งเสริมให้ใช้เด็ดขาด ส่วนผู้ที่นำมาใช้เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย ผู้ที่จะเริ่มใช้หรือผู้ที่ใช้ต้องทำความเข้าใจว่าตนเองมีความเหมาะสมหรือไม่ โดย
1.กรณีผู้ที่มีข้อจำกัดโรคจิต มีประวัติครอบครัวป่วยเป็นโรคจิต ถ้าจะใช้จะต้องเลือกชนิดที่ไม่มีสารกระตุ้นทางจิตประสาท เพราะกัญชาจะกระตุ้นอาการดังกล่าว
2.กรณีสตรีที่กำลังตั้งครรภ์และเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี อาจทำให้ติดง่ายในคนที่มีอาการเปราะปราง นำไปสู่อาการโรคจิต หากเป็นเด็กจะทำให้สติปัญญาเสื่อมถอย ยกเว้นการใช้ทางการแพทย์ในปริมาณและชนิดที่เหมาะสมกับโรค
ดังนั้นการใช้สารสกัดจากกัญชาจะต้องใช้ทางการแพทย์เท่านั้น โดยวิธีการใช้จะต้องเลือกใช้ชนิดที่มีสารออกฤทธิ์จำเพาะโรค ซึ่งต้องเริ่มจากการใช้จากปริมาณหรือขนาดน้อยมาก ก่อนเพิ่มขนาดตามความเหมาะสม ไม่ใช่การใช้ตามข่าวที่มีการหยดใต้ลิ้น 40 หยด ซึ่งการใช้จะต่างจากการใช้สูบเพื่อสันทนาการหรือเพื่อความสนุก ที่จะเริ่มจากการใช้ในปริมาณสูง เพราะมีสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่จะใช้ทางการแพทย์ ในผู้ป่วยบางรายอาจทราบหรือไม่ทราบว่าตนเองมีโรคตับ ไต เส้นเลือดสมองตีบ เส้นเลือดหัวใจตีบ และใช้ยาแผนปัจจุบันรักษาอยู่แล้ว หากใช้สารสกัดจากกัญชาอาจจะทำให้เกิดความดันตก ระดับน้ำตาลต่ำ ทำให้ยาที่ใช้อยู่ออกฤทธิ์มากขึ้น อาจเกิดอาการหัวใจวาย หรืออัมพฤกษ์ได้ กรณีผู้ป่วยโรคนอนไม่หลับ ปกติจะได้ยานอนหลับอยู่แล้ว เมื่อได้รับกัญชาจะไปเสริมฤทธิ์กับยาที่ใช่อยู่ จะทำให้หลับรุนแรง ปลุกไม่ตื่น ส่วนกรณียาต้านซึมเศร้าจะเพิ่มสารเคมีในสมองซีโรโทนิน ทำให้เกิดอาการทางสมอง เช่น อาการกระวนกระวาย สับสน นำไปสู่อาการชัก ไม่รู้สึกตัว ซึม หรือความดันและชีพจรผิดปกติ หรือมีกล้ามเนื้อแหลกสลาย ภาวะไข้สูงไม่ทราบสาเหตุ
โดยอาการดังกล่าวอาจปรากฎอาการเดียว หรือเกิดขึ้นพร้อมกัน ผลข้างเคียงดังกล่าวพบได้ทั่วไป ไม่เพียงแต่ใช้กัญชากับยาต้านซึมเศร้า แต่รวมถึงการใช้ยาแก้ปวดทรามาดอลร่วมกับยาต้านซึมเศร้า ยาแผนปัจจุบันกับยาต้านซึมเศร้าก็เกิดอาการดังกล่าวขึ้นได้ นอกจากนี้ เมื่อใช้กัญชากับผู้ป่วยที่มียาสลายลิ่มเลือดอาจทำให้ยาออกฤทธิ์มากขึ้น โดยจะมีอาการตกเลือดง่าย เลือดไหลไม่หยุด เช่น มีเลือดออกในกระเพราะ หรือในสมองมากขึ้น รวมถึงการใช้กัญชากับยาปฏิชีวนะ ยาต้านไวรัสเอดส์ ยาอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง แต่ขอย้ำว่ากัญชามีประโยชน์ หากใช้อย่างถูกต้อง เช่น การปรับยาใช้กับยาแผนปัจจุบัน อาจเป็นการเติมเต็ม เพื่อให้ได้ประโยชน์จากกัญชามากที่สุด ยอมรับว่ายาแผนปัจจุบันไม่ได้ช่วยรักษาได้ทุกโรค
อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าผู้ป่วยที่ใช้ยาอย่างถูกต้องในปริมาณและชนิดที่เหมาะสมกับโรค เช่น การหยดใต้ลิ้น แน่นอนว่าเบื้องต้นจะเกิดอาการเมา เช่น อาการวิงเวียนศีรษะ ความดันตก วิธีบรรเทาอาการเมาเบื้องต้นให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ นอนพักสักระยะ จะช่วยบรรเทาอาการเมาได้ระดับหนึ่ง แต่หากพบอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์ทันที
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://morning-news.bectero.com/social-crime/26-May-2019/144275
เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ (Morning News) 26 พ.ค.2562
ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารได้ก่อนใครได้ที่นี่
เรื่องเล่าเช้านี้.com : http://morning-news.bectero.com
facebook : https://www.facebook.com/MorningNewsTV3
Twitter : https://twitter.com/MorningNewsTV3
การรับชม : 9799 ครั้ง – 2019-05-26 13:46:05